วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

1st Workshop Creative Business

วิชา Creative Business สอนโดย ดร.ภิญโญ 
มี Workshop ในห้อง เรื่อง "เวลา"
อาจารย์ตั้งคำถามมาให้เราได้คิดตามและแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน 

ในกลุ่มของเราประกอบไปด้วย 
1. นางสาว ชนิดา วัฒนโชติวงษ์ รหัสนักศึกษา 565740177-4
2. นาย ปิติ ณ ป้อมเพชร รหัสนักศึกษา 565740198-6
3. นาย พีรฉัตร ศุขแจ้ง รหัสนักศึกษา 565740203-9
4. นางสาว สุทธิพร บุญตามส่ง รหัสนักศึกษา 565740227-5


คำถามแรก ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้เวลาคืออะไร
สุทธิพร : 
 " ตอนทำงานส่งเสริมการปลูกต้นกระดาษ ที่บริษัท ดับเบิลเอ อยุ่พื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีออฟฟิศ ไม่มีเวลาทำงานที่แน่นอน ในทีมมี 3 คน ยอดส่งเสริมต้นกล้ากระดาษเดือนละ 1-2 แสนต้น ขั้นตอนการทำงานคือการเข้าหาผู้ใหญ่บ้าน ร้านค้า เพื่อประชาสัมพันธ์หาคนสนใจปลูกต้นกระดาษ , การนำกล้าไปส่ง, การตรวจสอบเอกสารสิทธิ , การคีย์ข้อมูลลงระบบผ่าน BB,คอมพิวเตอร์ แต่ทีมเราไม่ได้รอแค่เวลากล้ามาแล้วทำงาน แต่เราจะใช้เวลาที่กล้ายังไม่มาเข้าหมู่บ้าน 1 วัน จัดตารางเข้าหมู่บ้านที่ใกล้ๆ กันประมาณ 5 หมู่บ้าน พอมีคนสนใจ เราจะนัดให้เอาเอกสารมาส่งผู้ใหญ่บ้าน หรือตัวแทนของเรา พอกล้าไม้มาเราจะไม่ต้องพักกล้ารอหาเกษตรกรที่สนใจ แต่สามารถนำกล้าไปแจกผู้สนใจตามเอกสารสิทธิที่ดิน ที่รวบรวมไว้ได้เลย แล้วนำเอกสารกลับมาคีย์ต่อที่บ้าน ซึ่งทำให้เราประหยัดเวลาในการทำงานได้มาก ใน 1 เดือน กล้ามาแค่ 2 – 3 รอบทำให้เราทำงานกันเดือนต่อเดือน แค่ไม่กี่วัน เวลาที่เหลือ เราสามารถไปหาหมู่บ้านอื่นรองรับไว้ก่อนกล้าไม้รอบต่อไปจะมา ซึ่งเป็นวิธีที่ทีมเราทำแล้ว ประสบความสำเร็จ มียอดแจกกล้าต้นกระดาษ เป็นอันดับ 1 ในภาคตะวันออก "
ชนิดา :
 "ช่วงปลายเทอมที่ผ่านมา แฟนที่เรียนจบ ป.โท เศรษฐศาสตร์ ชวนไปติวสอบใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน เป็นโครงการติวฟรี สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นเท่านั้น  ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่เค้าชวนให้ไปเป็นเพื่อน ติวฟรีไม่เสียหายอะไร ระยะเวลาการติว มี 2 ช่วง ช่วงแรก 8วัน ตั้งแต่ 16.00 - 19.00 . เป็นช่วงที่รู้สึกทรหดมาก เพราะบางวันมีเรียนที่คณะ 9.00 ถึง 16.30 วิ่งไปตึกตรงข้ามติวต่อถึง 19.00 พร้อมกับเป็นช่วงจะสอบปลายภาคด้วย เลยมีติวให้เพื่อนต่อ 19.00 ถึง 23.00 บางวันถึงเที่ยงคืน บางวันมีท้อมีเหนื่อยขี้เกียจไปติว แต่เพื่อนในเฟซบุคที่รู้ว่าเรามาติวใบอนุญาต ก็ทักมาว่า เพื่อนสอบไม่ผ่านสักที ค่าสอบครั้งละ 1,000 บาท สอบไปหลายครั้งแล้ว ถ้าสอบผ่านมาติวให้ด้วยนะ เพราะเพื่อนทำงานธนาคารต้องใช้ใบอนุญาตเพื่อเลื่อนตำแหน่ง หรือบางธนาคารถ้ามีใบอนุญาตนี้จะได้เงินพิเศษ ความเหนื่อยความท้อที่เคยมีเลยหายไป เพราะคิดว่าเราน่าจะสามารถช่วยประหยัดเวลาของตนเองและคนอื่น ไม่ต้องเสียเวลาอ่านหนังสือไปสอบหลายรอบ เมื่อติวเสร็จ 8 วันแล้ว วันที่ 9 ต้องเข้าทดสอบ Mock Exam ถ้าสอบผ่านตามเกณฑ์จึงจะมีสิทธิ์ติวช่วงที่ 2 คือติวเข้ม 9.00-17.00 . เป็นเวลา 4 วัน จึงจะได้ทดสอบจริง ในวันสอบจริงมีรุ่นพี่ที่ทำงานธนชาติสอบรอบก่อนหน้า พี่มาเล่าให้ฟังว่าทำงานไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วยไม่ไหว อายุก็มาก ดีแล้วที่น้องสอบก่อน ถ้าทำงานแล้วต้องสอบหลายรอบเลย แต่วันนั้นก็สอบไม่ผ่านขาดอีกคะแนนเดียว อาจารย์ที่ติวให้บอกว่ารีบสอบนะเดี๋ยวลืมก่อน ต้องไปอ่านใหม่ อาทิตย์ถัดมาเลยไปสอบที่อุดรธานี รอบนี้เสียเงินสอบเองแล้วผลออกมาก็สอบผ่าน ตั้งแต่นั้นมาก็มีติวให้รุ่นพี่ เพื่อนๆ ให้สอบผ่านใบอนุญาตนี้  "


พีรฉัตร :
ช่วงที่ไปสหกิจศึกษา(ฝึกงาน) ที่ กทม. ต้องแบ่งเวลาการทำงานให้ถูก เพราะมีงานหลักคือ โปรเจกค์ใหญ่ที่ต้องทำให้เสร็จ และงานทั่วไปๆ คือ งานออฟฟิศที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยในทุกๆวัน งานหลักหรือโปรเจคค์ที่ทำ คือ เขียนโปรแกรมประเมินความเสี่ยงให้กับบริษัทที่ไปฝึกงาน งานหลักที่ทำมีขั้นตอนและกระบวนการต่างๆมากมาย เช่น เก็บความต้องการของลูกค้า การออกแบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟส การจัดการด้านฐานข้อมูล เป็นต้น ซึ่งกระบวนการหรือขั้นตอนเหล่านี้ต้องทำงานคนเดียว เพราะว่าทั้งแผนกมีเราที่ทำเป็นคนเดียว ในเวลาทำงานที่จำกัดคือเช้าเช้าออกเย็น และในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนด้วย แต่ที่ผ่านมาได้เป็นเพราะ เรามีการจัดการและแบ่งเวลาที่ชัดเจน เช่น ตอนเช้าคุยกับหัวหน้าแผนกเพื่อรายงานและสรุปความก้าวหน้าของงาน และสรุปความต้องการเพิ่มเติม สายๆ นั้งวิเคราะห์งาน ช่วงบ่ายจะนั้งลงโค้ดโปรแกรม ซึ่งการจัดการเหล่านี้ที่ทำให้เราสามารถบริหารเวลา จนทำให้คนและงานประสบความสำเร็จ ก่อนเวลาและงานออกมาดีด้วย "

ปิติ :
หลายคนชอบบ่นว่า "ไม่ค่อยมีเวลาเลยหวะ" 
ทั้งที่จริงๆแล้วทุกคนต่างมีเวลาเท่ากัน ในบทความนี้จะขอเล่ากรณีตัวอย่าง ว่าทำไมคนบางคนถึงมีเวลาเหลือมากกว่า ยกตัวอย่างดังกรณี การเรียนในมหาวิทยาลัย ของผม ผมเป็นพวกชอบนั่งหลังห้อง ผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมอาจารย์ชอบบ่น ว่านั่งหลังห้อง กลัวผมไม่ได้ยินหรือยังไง ไมค์อาจารย์ก็ดังอยู่นะ อันนี้ผมคิดในใจ ข้อดีของการนั่งหลังห้องสำหรับผม คือ เห็นเกือบจะทุกการกระทำของเกือบทุกคน ใครนอน ใครแต่งหน้า ใครจด (นอกประเด็น... เวลาเพื่อนพวกนี้มาบ่น ว่า อาจารย์สอนอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย ผมหละอยากเอามือไปเขกหัวมันละบอกว่า "ก็เพราะมึงไม่สนใจไง ดี...") อ่าเข้าประเด็นเลยดีกว่า มาดูกันว่า การประหยัดเวลา เกิดขึ้นอย่างไร


           เทอมที่หนึ่ง 
นายA ตอนเรียนไม่สนใจเรียน นอกห้องเรียนก็ไม่ศึกษาหาความรู้
นายB ตอนเรียนฟัง วิเคราะห์(ผมไม่ได้บอกว่าต้องฟังตลอดนะ ฟังเฉพาะสิ่งที่เป็นสาระสำคัญ,เป็นสิ่งใหม่ หรือข้อมูลใหม่ คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทั้งหมดในคาบไปกับสิ่งที่คุณรู้อย่างดีอยู่แล้ว
(*อันนี้มีกรณีแยกย่อยอีกเยอะขอไม่กล่าวถึง))  
กลับจากเรียน ลองปฏิบัติ สรุปผล
(ใช้เวลาไม่นานต่อรอบ แต่ทำสม่ำเสมอ) 
ผ่านไปครึ่งเทอม 
ช่วงสอบมิดเทอม
นายA ดิ้นรนหาหนังสืออ่านติวหนังสือกับเพื่อน ทำทุกอย่าง แถมบ่นอีกว่า อาจารย์...สอน...อะไรวะ
นายB นอนชิลจุ้ย ทบทวนนิดหน่อยก่อนสอบ ติวให้เพื่อนบ้างตามแต่โอกาส(*การได้ไปนั่งติวหนังสือให้เพื่อน เป็นการทบทวนความรู้ได้ดี)
           พอคะแนนออก
นายA เครียด บ่นอาจารย์ บ่นข้อสอบ บ่นๆ แล้วก็พูดออกมาว่า 
"ไฟนอลจะตั้งใจแล้ว" (แต่สุดท้ายเข้ารูปแบบเดิม)
นายB สบายใจเฉิบ หาความรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้ หรือ ฝึกฝน+ต่อยอดความรู้เดิม ต่อไป ("อ่านหนังสือนิดเดียวทำไมได้คะแนนเยอะจังวะ" เป็นคำที่ชักจะเริ่มชิน)
          คราวนี้มาลองวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ กล่าวไป เวลาที่เสียไปในการเรียนหนึ่งวิชา AกับB เสียเวลาในห้องเรียนเท่ากัน 
B เสียเวลาเฉลี่ยวันละ30นาที(ความจริงไม่ถึง) เป็นเวลา 2เดือน(ครึ่งเทอม) ตก30ชม. : A เสียเวลา 0ชม.
B เสียเวลาในการอ่านก่อนสอบ 1 วัน 5ชม.(หรือน้อยกว่า) : A เสียเวลาในการอ่านก่อนสอบ(ซึ่งส่วนมาก ไปนั่งเล่นซะส่วนใหญ่) 3 วัน วันละ 12ชม. รวมๆแล้ว B 35ชม. A 36ชม. ซึ่งใกล้เคียงกัน เพียงแต่ว่า A เสียสละเวลาไม่ถูกกาลเทศะ ผลคะแนนออกมา  A ไม่ผ่านmean B ได้อันดับต้นๆ

          ผลของการประหยัดเวลาจริงๆแล้ว จะไปส่งผลในวิชาต่อไปที่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานของวิชาแรก เช่น ในวิชาถัดไป B สามารถ เรียนรู้ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีเวลาหาความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติม ในขณะที่ A ต้องกับไป ศึกษาเรื่องเดิมก่อน
  "ลองคิดเล่นๆถ้าAและBยังคงทำตัวเหมือนเดิม ผ่านไปสัก2-3ปี ลองนึกภาพตามดู ว่า Aต้องเสียเวลามากกว่าB ขนาดไหน เพื่อที่จะไล่ตามB ให้ทัน"


*ในเรื่องกล่าวถึง เวลา ในมิติของ ความรู้
**สามารถประยุกต์ ใช้ได้กับหลายเรื่อง
***กรณีดังกล่าว เคยเกิดขึ้นจริงโดยเป็นประสบการณ์ตรงจากผู้เขียน  
****จะเห็นผลมากขึ้นเมื่อสะสมด้วยระยะเวลาที่มากขึ้น หรือ เวลาที่มากขึ้น

 ขอให้ทุกคนมีความสุข กับเวลาที่เหลือ ^ ^"


คำถามที่สอง ต้นแบบ หรือ Idol เรื่องเวลาคือใคร
          ปั้มน้ำมัน ปตท. มีความหลากหลายในสินค้าและบริการ แบบครบวงจร ทำให้นักเดินทางประหยัดเวลา ไม่ต้องแวะหลายที่ เช่น ที่เติมลม ร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำสะอาด ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านขายของฝากและของที่ระลึก ร้านกาแฟ เป็นต้น
          บริษัท Apple ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกจากกรอบรูปแบบเดิมๆ จากโทรศัพท์ที่มีปุ่ม เปลี่ยนเป็นการทัชสกรีน ทำให้ประหยัดเวลากว่าโทรศัพท์แบบเดิมๆ ที่เสียเวลาในการกดปุ่มเลื่อนเลือกเมนูต่างๆ อาจจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ลูกค้าอาจจะไม่ยอมรับ แต่บริษัทก็มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีงามต่อไป 
          Surface ผลิตภัณฑ์ 2 in 1 ที่รวมแท็บเลตและโน้ตบุคไว้ในเครื่องเดียว ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเสียเวลา ในการส่งงานจากแท็บเลตไปแก้ในโน้ตบุค เพียงแค่คุณต่อคีย์บอร์ดเข้าไปก็สามารถแปลงร่าง แท็บเลตเป็นโน้ตบุคได้เลย แถมยังสะดวกในการพกพาด้วย 
          นครชัยแอร์ บริษัทรถทัวร์ที่่ต่างจากบริษัทอื่น เนื่องจากมีต้นทางเดียว ปลายทางเดียว ถ้าเป็นรถอุดร-กรุงเทพ ก็จะวิ่งตรงอุดร ไปกรุงเทพ แต่ถ้าบริษัทอื่นจะแวะรับผู้โดยสารที่ขอนแก่นด้วยทำให้ผู้โดยสารเสียเวลาและไม่พึงพอใจ แต่นครชัยแอร์ จะแยกรถกัน อุดร-กรุงเทพ และ ขอนแก่น-กรุงเทพ ทำให้สามารถตอบโจทย์ผู้โดยสาร
3 คำ สำหรับต้นแบบเรื่องเวลา 
คือ " มุ่งมั่น นอกกรอบ ตอบโจทย์ "

คำถามที่สาม การใช้เวลาที่ดีกับไม่ดีต่างกันอย่างไร
          บริษัท Apple มีร้าน iStudio ที่เป็นต้นแบบการนำเครื่องจริงมาโชว์ให้ลูกค้าได้ลองเล่นแตกต่างกับร้านอื่นที่ไม่มีเครื่องโชว์ ลูกค้าต้องซื้อก่อนจึงจะได้ลองใช้ทำให้เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายในการทดลองใช้แต่ละยี่ห้อไปเรื่อยๆ ร้าน iStudio ได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ลูกค้าจึงทำให้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
          MK สุกี้ ต้นแบบการประหยัดเวลา อาศัยเทคโนโลยีการรับออเดอร์โดยใช้ปาล์มแทนการจดออเดอร์ในกระดาษ เนื่องจากสุกี้เป็นอาหารที่หลากหลาย กว่าลูกค้าจะสั่งครบ กว่าจะส่งออเดอร์ไปที่ห้องครัวจัดอาหารออกมา ทำให้ใช้เวลานาน ยิ่งลูกค้าเยอะๆ ยิ่งใช้เวลานาน และทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าลดลง  แต่การใช้ปาล์ม เพียงลูกค้าสั่ง ออเดอร์ก็ไปขึ้นโชว์ที่ห้องครัว บางทีสั่งยังไม่เสร็จ อาหารก็มารอแล้ว ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจได้ด้วย
         TMB มีบัตร ATM ที่กดตู้ไหนก็ไม่เสียค่าธรรมเนียม ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการโอน เนื่องจากเวลาที่จะโอนเงิน เราต้องเสียเวลาหาตู้ธนาคารของบัตรเรา แต่บางที่หายากมาก หรือไม่มี เราต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอน ถึงจะ สิบยี่สิบบาท แต่หลายครั้งก็เป็นร้อย 
         กระดาษ Idea Work กระดาษที่มีหลายแบบให้เลือกตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน ทั้งกระดาษสำหรับพิมพ์งานทั่วไป รูปภาพ ถนอมสายตา ถ้าใช้กระดาษทั่วไปมาปริ้นรูปภาพ อาจจะทำให้สีเพี้ยน งานผิดพลาดด้วย จึงเสียเวลาที่จะต้องมาพิมพ์ใหม่ 
3 คำ สำหรับความแตกต่างของการใช้เวลาที่ดีและไม่ดี 
คือ " แตกต่าง แง่บวก ตอบโจทย์ "




ลำดับถัดมา อาจารย์ให้เราร่วมกันสร้างฝัน ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า เราลืมตาขึ้นมา ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร 
      จากการตั้งเป้าหมายที่แน่นอน และความมุ่งมั่น ทำให้ธุรกิจของเราทั้งสี่คนเจริญรุ่งเรือง สุทธิพร เจ้าของบริษัทการตลาด มีพนักงานที่ดี เป็นองค์กรแห่งความสุข ชนิดา โค้ชเปลี่ยนชีวิต วิทยากรที่จุดประกายความคิดเปลี่ยนชีวิตหลายคนให้ประสบความสำเร็จ ปิติ นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนระยะยาวจากการถือหุ้นบริษัทที่มั่นคง มีพื้นฐานที่ดี พีรฉัตร นักพัฒนาโซเชียลเนทเวิร์ค เจ้าของแอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวโหลดสูงที่สุดทั่วโลก
ถึงแม้งานของเราทั้งสี่คนนั้นจะดูแตกต่างกันไปในคนละทิศคนละทาง แต่มีความลงตัวในความต่าง ชนิดา เป็นวิทยากรฟรีแลนซ์ และรับอบรมพนักงานบริษัทการตลาดของสุทธิพรอยู่เสมอ สุทธิพรช่วยทำการตลาดให้กับบริษัทของพีรฉัตร บริษัทพีรฉัตรเขียนแอพพลิเคชันเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนอย่างปิติ และปิติ เป็นคนดูแลกองทุนที่เราทั้งสี่คนจัดตั้งขึ้นมา เราทุกคนต่างมีความสุขในงานที่ทำ ชีวิตที่มีความสุข งานและชีวิตสมดุลกันอย่างลงตัว 

และสุดท้าย การออกแบบความฝัน โดยใช้ Time Frame  10-10-10-10 นั่นคือ 10 วัน 10 สัปดาห์ 10 เดือน 10 ปี  

10 วัน สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้ แต่ละคนต่างศึกษาหาข้อมูลในธุรกิจที่ตัวเองสนใจ เรียนรู้จากต้นแบบ และเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆอย่างสม่ำเสมอ โดยจดบันทึกความรู้ใหม่เหล่านั้นในทุกๆ 10 วัน 

10 สัปดาห์ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและวางแผนแนวทางในธุรกิจของแต่ละคน พร้อมกับหาแหล่งเงินทุน   

10 เดือน เริ่มต้นลงทุนเปิดบริษัท ด้วยเป้าหมายที่แน่นอนและความมุ่งมั่น มีการตรวจสอบประเมินองค์กรทุกเดือน สร้างชื่อเสียงไปเรื่อยๆ 

10 ปี พัฒนาต่อยอดแตกสายธุรกิจ ศึกษาปัจจัยต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานที่ทำ และตอบสนองให้ทันตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น